เรื่องสั้น

เรื่องสั้นที่ดีที่สุดของผม

by สิงห์ลา @May,23 2007 08.44 ( IP : 202...98 ) | Tags : เรื่องสั้น

เรื่องสั้นที่ดีที่สุดของผม

เรียนท่านผู้อ่านที่เคารพรักทุกท่าน เรื่องสั้นที่พวกคุณจะได้อ่านต่อไปนี้ อาจจะเป็นเรื่องราวที่อ่านดูแปลก ๆ สำนวนการเขียนอาจจะแปร่ง ๆ ขัดหูขัดตา โครงเรื่องเบาโหวงและไร้หลักการตามแบบฉบับการเขียนเรื่องสั้นที่ดี ฯลฯ (และอื่น ๆ อีกมากมายในช่องว่าง และจุดบกพร่องที่พวกคุณมองเห็นแต่ผมยังคิดไม่ออกในตอนนี้) ซึ่งถ้าพวกคุณคาดหวังที่จะได้อ่านเรื่องสั้นดี ๆ สักเรื่องหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนโลกใบนี้ได้ ผมขอแนะนำให้เรา (ผมและพวกคุณ) ยุติความสัมพันธ์กันตรงบรรทัดนี้ เพื่อเราจะได้ไม่เกลียดและเลิกคบกันเหมือนความสัมพันธ์ของผมและเพื่อนที่ขาดสะบั้นไปแล้ว

ใช่! พูดถึงแล้วยังแค้นใจไม่หาย (ผมขอแสดงความเชิดชูเกียรติพวกคุณที่สอดรู้สอดเห็นที่จะอ่านต่อไป) ผมและมัน(คนที่เคยเป็นเพื่อนผม)เลิกคบกัน ก่อนอื่น(หมายความว่าก่อนที่จะเล่าเรื่องราวก่อนไป)ขอออกตัวก่อนว่านี่ไม่ใช่เรื่องสั้นแนวหักมุมที่มักจะเฉลยอะไรแปลก ๆ ในตอนจบให้หักหลังจนหลังหักกัน ผมจึงไม่ได้เป็นชายหนุ่มที่รักเพศเดียวกัน แล้วก็ไม่ใช่เพราะว่าจู่ ๆ เพื่อนผมมันก็แสดงออกว่าผิดเพศสาวแตก เหมือนชายหนุ่มบางคนที่นิ้วก้อยเพิ่งเผยโฉมออกมาหลังจากมีลูกชายคนที่สอง กับภรรยาคนที่สาม แต่จุดจบของเรื่องทั้งหมด มันเกิดขึ้นจากการแสดงออกอย่างชัดเจน ชัดเจนมากเกินไปในเรื่องหนึ่งของมัน  และมันกลายเป็นเรื่องชัดเจนเกินไปสำหรับคนที่ไม่ได้ชัดเจนในเรื่องเดียวกับมันเช่นผม

มันเป็นนักเขียนเรื่องสั้น

ก่อนที่จะเล่าถึงจุดแตกหัก หรือในภาพยนตร์อาจจะเรียกได้ว่าจุดไคลแมกซ์ ผมจะขอเล่าเรื่องแบบยืดเยื้อเป็นการปูพรมแดงไปก่อนจะเข้าโรงฉายก่อนแล้วกัน<br />

ผมและมันเป็นเพื่อนกันกว่ายี่สิสบปี! ยี่สิบปีที่ผ่านไปรวดเร็วราวกับหายใจครั้งเดียว และสำหรับผมในนาทีนี้เหมือนหายใจทิ้ง ผมไม่รู้ว่าอาการอยากเป็นนักเขียนของมันนั้น เริ่มลงแดงตั้งแต่เมื่อไร รู้แต่เพียงว่าระยะสามปีที่ผ่านมานี้มันมักจะเก็บเนื้อเก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยออกมาสุงสิงกับเพื่อนฝูงเป็นประจำเหมือนแต่ก่อน และในที่สุดความจริงก็ปรากฏออกมาหลังจากที่มันมีงานเขียนเรื่องหนึ่งลงในนิตยสารรายสัปดาห์ ตอนแรกที่ได้รับรู้ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าเป็นเรื่องที่มันเขียนจริง ๆ (หลังจากที่มันพยายามยัดเยียดนิตยสารรายสัปดาห์ฉบับนั้นให้ผมอ่านและเก็บไว้เป็นที่ระทึกสองเล่ม) แต่ด้วยชื่อจริงนามสกุลจริงที่อยู่ด้านบนของเรื่องสั้นของมัน ทำให้ผมมิอาจไม่เชื่อได้ว่ามันเรื่องที่เขียนโดยคนอื่น ที่มีชื่อกับนามสกุลเดียวกันกับเพื่อนผม

หลังจากยอมรับได้แล้วว่ามีเพื่อนเป็นนักเขียน ผมค่อนข้างที่จะรู้สึกยินดีและดีใจที่มีเพื่อนเป็นนักเขียน สำหรับผม นักเขียนในความหมายที่ผมเข้าใจก็คือคนที่มีความคิดที่ยอดเยี่ยม เต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการและความสามารถในการใช้ภาษาที่สูงในการถ่ายทอดเล่าเรื่องราวออกมา

ผมยอมรับว่าไม่มีพรสวรรค์หรือพรแสวงในด้านนี้เลยสักนิด แต่เพื่อนผมมีหลังจากผ่านการ(แอบ)ฝึกฝนมานานกว่าสามปี(หรือมากกว่านั้นผมไม่รู้เพราะมันไม่บอกภูมิหลังของตัวเองในวัยเด็กให้ผมฟังอย่างละเอียด)<br />

หลังจากที่ผมอ่านผลงานเรื่องแรกของมันจบในวันนั้น อันดับแรกผมต้องขอออกตัวบอกก่อนเลยว่า ผมอ่านงานเขียนของมันไม่รู้เรื่องและไม่สนุกเลยสักนิดเดียว เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสังคมการเมืองและการใช้สัญลักษณ์ตีความที่สลับซับซ้อน ซึ่งผมไม่ใช่คนที่ใช้สมองไปในแนวทางนั้น แต่มันคงคิดว่าผมชอบงานเขียนมันละมั้งมันเลยบอกกับผมว่า ไม่คิดจะลองเขียนเรื่องสั้นดูบ้างหรือไง

โน!

แน่นอนผมปฏิเสธไปในทันที เพราะไม่ได้มีใจรักและมีความบ้าวรรณกรรมเฉกเช่นมัน ผมกับการเขียนหนังสือนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างไกลตัว คนละสังคมเหมือนอยู่ห่างกันคนละโลก คนละมิติดาวคนละดวงเลยก็ว่าได้ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ผมเขียนภาษาไทยเป็นเรื่องเป็นราว ก็ตั้งแต่ตอนสมัยเรียนประถมกับการเขียนเรียงความเรื่องอนุรักษ์ธรรมชาติอะไรสักอย่าง อย่างแน่นอนและไม่ต้องสงสัยว่าผมมีความสุขกับการเบ่งสมองคิดเรื่องราวโม้ ๆ มาเขียนหรือเปล่า<br />

ถูกต้อง! ผมไม่มีความสุขกับการเขียนเลยสักนิด (และส่วนหนึ่งที่ผมไม่ชอบการเขียนก็คือ ปมฝังใจ(แน่นอนคนเราย่อมมีปมฝังใจในอดีตเป็นธรรมดาเพื่อเป็นเหตุผลรองรับในการเกลียดหรือกลัวอะไรสักอย่างในอนาคต) ที่มีต่อการเขียนเรียงความฉบับนั้นกับคะแนนที่น้อยที่สุดในห้อง กับคำพูดของครูที่หน้าชั้นเรียนตอนประกาศคะแนนว่า ผมไม่มีวาทะศิลปะในการใช้ภาษาไทยและไม่มีจินตนาการในการถ่ายทอดเลยสักนิดเดียว)
เจ็บใจ เคียดแค้นและอับอาย เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผมในตอนนั้น

และแล้วในที่สุด จากวันนั้นจนถึงทุกวันนี้ ผมก็ไม่เคยเขียนเรื่องราวเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักครั้ง สักเรื่องหรือแม้สักประโยค

แต่มันก็พยายามตื้อให้ผมเขียนจนได้ เพราะด้วยความรำคาญหรือรำวงอะไรสักอย่างที่ผมก็บอกไม่ถูก ผมจึงอือออไปกับมันและสัญญาว่าจะลองเขียนเรื่องสั้นมาให้มันอ่านดูสักเรื่อง ด้วยคำพูดที่หลุดปากออกไปนั้นทำให้มันเผยกลเม็ดในการเขียนเรื่องสั้นให้กับผมฟังมากมาย ทั้งแนะนำหนังสือดี ๆ ให้อ่านเพื่อเป็นแนวทางในการเขียนเรื่อง

วันนั้นผมนั่งฟังมันพูดพล่ามกว่าสามชั่วโมง กับนิตยสารรายสัปดาห์ที่อยู่ในมือสองฉบับ จากเฉย ๆ กลายเป็นน่าเบื่อจากน่าเบื่อกลายเป็นน่ารำคาญ แต่ด้วยการเป็นผู้ฟังที่ดีผมจึงเก็บความรำคาญนั้นไว้ในกระเป๋าและไม่เอาออกมาให้มันดู

จากวันนั้นจนถึงวันนี้(วันที่ผมเลิกคบกัน)เวลาก็ผ่านมาปีกว่าแล้ว กับคำสัญญาที่ผมยังไม่ได้ลงมือทำจริง ๆ จัง ๆ สักที ถ้าจะพูดกันตรง ๆ คือผมไม่ได้สนใจและลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ

แล้วมันก็มาทวงสัญญาผม กับนิตยสารรายสัปดาห์ที่มีผลงานของมันห้าฉบับในมือ

ผมจะขอเล่ารายละเอียดอีกเรื่องหนึ่ง คือในช่วงปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา หลังจากเรื่องสั้นเรื่องแรกของมันที่ได้ลงนิตยสารรายสัปดาห์ ผลงานของมันก็มีออกมาเรื่อย ๆ ไม่ขาดสายเหมือนน้ำตกเชี่ยวกรากในฤดูฝน มันได้รางวัลประกวดเรื่องสั้นจากหลาย ๆ เวทีทั้งเวทีเล็กและใหญ่ ชื่อนามสกุลของมันกระโดดเข้าสู่แวววงวรรณกรรมเต็มตัว และเริ่มเป็นที่นับหน้าถือตาของคนในวงการนี้

มันเริ่มยกตัวเองเป็นศิลปินเต็มตัว และมันเรียกแทนตัวให้ผมฟังว่า “กูเป็นนักเขียน”

ผมรับนิตยสารรายสัปดาห์สามฉบับมาจากมือมัน (ผมไม่รู้ว่ามันจะยัดเยียดความดีความชอบของตัวเองให้ผมชื่นชมทำไมทีละหลาย ๆ เล่ม ซ้ำ ๆ กัน) มันทวงต้นฉบับจากผม

แน่นอน! ผมไม่มีต้นฉบับให้มัน เพราะผมยังไม่ได้เริ่มเขียนเลยด้วยซ้ำ

ผมชักสีหน้าเหนื่อยหน่ายกับความไม่ใส่ใจของผม และบอกกับผมว่า ตอนนี้มีการประกวดเรื่องสั้นของช่อการะเกด (ผมไม่รู้จักช่อการะเกด มันคือชื่อของอะไรดอกไม้หรือหนังสือแบบเรียนวิชาเกษตร) อยากให้ผมเขียนเรื่องสั้นส่งไปลองดู อ้อ! มันพูดว่าให้ผมเขียนเรื่องสั้นที่ดีที่สุดส่งไปดู

ผมอิดออดพยายามหาเรื่องอื่นมาพูด แน่นอนจะไปเขียนได้ยังไงล่ะ ผมเป็นคนมีปมกับการเขียนเรื่องราวบนหน้ากระดาษอยู่แล้ว

มันคะยั้นคะยอบอกว่าให้เวลาสองชั่วโมง ให้ผมเขียนเรืองสั้นให้มันอ่านสักเรื่อง มันจะนั่งรอ!

ไม่อยากใช้คำว่าบัดซบ แต่มันเป็นเรื่องบัดซบจริง ๆ ที่ผมต้องถูกบีบบังคับให้เขียนเรื่องราวที่ผมไม่อยากเขียนในเวลาที่จำกัด ผมถามมันว่าจะให้ผมเขียนอะไร มันตอบกลับมาอย่างหน้าโดนต่อยว่า ก็ให้ผมเขียนเรื่องสั้นที่ดีที่สุด

ผมถามมันกลับไปว่าทำไมต้องเรื่องสั้นที่ดีที่สุด มันก็ตอบกลับมาอย่างน่าโดนกระโดดกระถีบว่า มันอยากได้เรื่องสั้นที่ดีที่สุดจากผม และทางการประกวดอยากได้เรื่องสั้นที่ดีที่สุดจากนักเขียน

แม้ผมจะบอกมันว่าในสองชั่วโมงผมไม่สามารถทำได้อย่างที่มันขอหรอก แต่มันก็ยังพูดแบบปรัชญาตามประสากูเป็นนักเขียนว่า อำนาจของวรรณกรรมมีจริงไม่เชื่ออย่าลบหลู่ มันยังอ้าง(ความสามารถ)ตัวเองว่า มันเคยเขียนเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งเพียงสามสิบนาที แล้วได้รางวัลชนะเลิศจากเวทีประกวดระดับชาติด้วย

หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งกว่าชั่วโมง ผมก็ยอมแพ้บอกกับมันว่าเขียนไม่ได้ มันแสยะยิ้มกลับมาบอกกับผมว่า “กูเชื่อว่ามึงทำได้เพราะมึงเป็นเพื่อนนักเขียน”<br />

ไม่รู้ว่าคำพูดนี้ผมสมควรกระทืบปากหรือว่าต่อยเบ้าตามันดี แต่กลั้นใจอยู่พักหนึ่งก็ ยอมเผยความลับของตัวเองออกมาบ้าง (ใช่แล้ว! ผมมีความลับที่ไม่ได้บอกใครเลยแม้ในเรื่องราวที่เล่ามาตั้งแต่ต้น ผมก็ไม่แพลมออกมาแม้แต่นิดเดียว มันเป็นความลับสุดยอด)<br />

แฮ่ม! ตั้งใจฟัง(อ่าน)กันให้ดี ๆ นะครับ

ผมมีเรื่องสั้นอยู่เรื่องหนึ่ง ใช้เวลาเขียนกว่าปีหลังจากที่ให้คำสัญญากับมันในวันนั้น แต่ด้วยความไม่กล้าและเขินอายจึงไม่กล้าบอกมัน และไม่กล้าบอกใคร(รวมทั้งพวกคุณ)ว่าผมก็มีเรื่องกับเขาเหมือนกัน

สิ้นคำเฉลยของผม อาการของมันก็ออกแบบเด็กอยากได้ของเล่น บอกกับผมให้รีบเอาเรื่องสั้นมาให้มันอ่าน มันจะดูให้ (แน่นอนนักเขียนเก่ง ๆ อย่างมันพร้อมที่จะวิเคราะห์ วิจารณ์งานใครก็ได้ในนาทีนี้) ในตอนแรกแม้จะพูดออกไปแล้วว่ามีพอตอนหลังดันเฉลยว่ามี ผมก็ไม่อยากที่จะเอางานออกมาให้มันอ่าน แม้ว่าผมจะมั่นใจกับงานชิ้นนี้มาก เพราะมันผ่านการอ่านและขัดเกลาเป็นร้อย ๆ รอบแล้ว

ในท้ายที่สุดผมก็หยิบเรื่องสั้นของผมมาให้มันอ่าน<br />

เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นงานชิ้นที่สองต่อจากงานเขียนที่ถูกวิจารณ์หน้าชั้นเรียนว่า ไร้วาทะศิลปะและจินตนาการ และอาจจะเป็นเพราะความมั่นใจส่วนตัวที่เป็นแรงผลักในการทำให้ผมไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น(ในครั้งนั้น) ผมจึงมั่นใจว่างานตัวเองดีแต่ตาของคนอ่านไม่ถึงเองต่างหาก

งานชิ้นนี้ผมมั่นใจมากว่ามันเป็นงานที่ดีที่สุดของผม

มันอ่านของผมช้า ๆ จากบรรทัดแรกจนถึงบรรทัดสุดท้าย แล้วมองหน้าผมถอนหายใจ แล้วอ่านซ้ำอีกรอบ<br />

อกข้างซ้ายหัวใจผมเต้นรัวแรง ผมไม่รู้ว่าหลังจากที่มันอ่านจบแล้ว มันจะว่ายังไงบ้างกับสิ่งที่ผมเขียน มันจะชอบและรักงานชิ้นนี้เหมือนที่ผมเป็นหรือเปล่า

หลังจากอ่านรอบที่สองจบ มันวางต้นฉบับผมลงบนนิตยสารรายสัปดาห์ที่มันถือมา เอานิ้วนวดคลึงดวงตา พูดเบา ๆ ออกมาว่า<br />

“นี่เหรองานเขียนที่ดีที่สุดของมึง”

จุดไคลแมกซ์เกิดขึ้นทันทีที่สิ้นประโยคนี้ของมัน ความเป็นเพื่อนของผมกับมันก็ยุติลงในทันที ผมไม่ลังเลใจเลยที่จะเลือกว่าจะกระทืบหน้า ต่อยปากหรือกระโดดถีบมัน (แน่นอนผมทำทุกอย่าง โดยเรียงลำดับจากการออกอาวุธที่แรงที่สุดของผม ต่อยปาก!)

มันลงไปนอนกองกับพื้นเลือดกบปาก ผมแสยะยิ้มให้มันด้วยรอยยิ้มเดียวกับที่มันเคยแสยะยิ้มให้ผม

“นี่แหละเรื่องสั้นที่ดีที่สุดของกู” ผมบอกมัน

มันไม่พล่ามอะไรออกมาเลยสักคำเดียว<br />

ผมหันหลังให้มันเดินกลับเข้าบ้านหยิบกระดาษปากตามาวางบนโต๊ะ ระบายความอัดอั้นในใจที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ ลงบนหน้ากระดาษ จำได้ว่าเทคนิคหนึ่งในการเขียนเรื่องสั้นที่ผมเคยอ่านเจอก็คือ เรื่องสั้นที่ดีควรจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง เพราะมันจะได้มีพลังถ่ายทอดออกมาเต็มที่

ถอนหายใจแรงออกมา มองดูตรงสันมือเลือดสีแดงค่อย ๆ แห้งเป็นลิ่ม ผมเริ่มรู้สึกชา ๆ บริเวณนั้นคิดว่าพรุ่งนี้คงปวดระบม<br />

นี่แหละครับคือจุดเริ่มต้นทั้งหมดของผมในการเขียนงานชิ้นนี้ แล้วผมก็มาลงมือเขียนเรื่องสั้นเรื่องนี้ให้พวกคุณได้อ่านกัน

พวกคุณว่าเรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นที่ดีที่สุดหรือเปล่าครับ?
Comment #1
ประทีป จิตติ
Posted @May,29 2007 21.45 ip : 203...48

ซอกแซกเลี้ยวลดดั้นด้นมาพบท่านเข้าที่นี่

มิทราบมาก่อนเลยขอรับ อ้า... ต่อไปผมงได้เข้ามาแทะงานของท่านได้ง่ายดายขึ้น

ขออนุญาตเก็บที่อยู่ไว้ที่บ้านของกระผม

http://prateepjittibook.wordpress.com

Comment #2
แมพลอย
Posted @May,29 2007 22.25 ip : 203...251

ต้องให้ได้เลือดก่อนถึงจะเขียนได้

ตามคนข้างบนมาค่ะ

Comment #3
เกินความคาดหมาย
Posted @September,01 2007 10.35 ip : 203...242

ลุ้นด้วยตั้งนาน....สุดท้าย...สมชื่อเรื่องสั้นที่ดีที่สุด

จากคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นทั่วไป

แสดงความคิดเห็น

« 6195
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ